วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คนกรุง-คนดัง บ้านน้ำท่วม 5 พันบาทขาดตัว???

 

คนกรุง-คนดัง บ้านน้ำท่วม 5 พันบาทขาดตัว???

น้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากจะทำให้หลายคนต้องเร่ร่อนไปคนละทิศละทาง การใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นแล้ว พอหลังจากน้ำลด แทนที่จะได้เข้าไปอยู่ในบ้านได้อย่างสบายใจ กลับต้องรับภาระหนักจากความเสียหายที่น้องน้ำมาเยี่ยมเยือนถึงในบ้าน คงไม่ต้องยกตัวอย่างว่ามีกี่ครอบครัวที่ต้องประสบกับชะตากรรมแบบนี้ เพราะเป็นเหมือนกันหมดทุกที่ไม่เว้นยากดีมีจน 

ราคากลางที่ทางภาครัฐจะชดเชยให้กับบ้านที่ถูกน้ำท่วม ก็ยังคงเป็นเรื่องที่หลายคนยังตั้งคำถามว่าเพียงพอหรือไม่กับความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะจนหรือรวย ก็ 5 พันบาทขาดตัว!

โชคดีหน่อยถ้าใครที่พอมีฐานะบ้าง คงไม่ต้องลำบากในการซ่อมแซมหลังน้ำลด แต่คงเป็นเรื่องที่สลดใจน่าดูสำหรับคนชนชั้นกลางไปจนถึงกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย เพราะค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซ่อมบ้านนั้น แต่ละบ้านก็ไม่เท่ากัน ค่าชดเชยที่ทางภาครัฐจะให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้เป็นจำนวน 5,000 บาทนั้นอาจไม่เพียงพอ 'ไทยรัฐออนไลน์' วันนี้ จึงไปพูดคุยกับคนดังที่ถูกน้ำท่วมบ้าน ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องค่าชดเชยที่ทางรัฐจะเยียวยาให้กับประชาชน 

เริ่มต้นที่ครีเอทีฟคนเก่งแห่ง Bang Channel "ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร" ซึ่งกลายเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วมทันที หลังจากที่บ้านย่านรามอินทรา ถูกน้องน้ำมาเยือนถึงในบ้าน ซึ่งระดับน้ำสูงประมาณครึ่งแข้ง

"ที่บ้านตอนที่น้ำขึ้นสูงสุดก็ประมาณครึ่งแข้ง ก็พออยู่ได้ ยังไม่ถึงขั้นลำบากอะไร แต่ที่ไม่ไหวคงเป็นเรื่องน้ำเน่ามากกว่า เพราะมันเหม็นมาก ส่วนเรื่องค่าเสียหายคิดว่าคงมีไม่มาก และผมเองก็ไม่ได้ไปทำเรื่องขอเงินค่าชดเชยกับทางรัฐบาลไว้ด้วย เพราะคงไม่พอหรอก ตู้เย็นพังไปเครื่องนึงก็ไม่พอแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนะกับเงินจำนวนนี้ เพราะถ้าให้จ่ายตามจริงคงล่มจมแน่ๆ ตอนนี้เลยมีเงินชดเชยจากของบริษัทที่ทำงานครับ คิดว่าน่าจะได้มากกว่า 5,000 บาท ส่วนที่บ้านก็รอให้น้ำแห้งอย่างเดียว และคงเน้นไปที่เรื่องการทำความสะอาดบ้านมากกว่า

น้ำมาเดี๋ยวมันก็ลด คนไทยอยู่กับน้ำท่วมมาตั้งแต่โบราณแล้วนะ เราถึงมีบ้านที่ยกใต้ถุนสูง หรือการเดินทางโดยเรือ ซึ่งมันก็เป็นวัฒนธรรมของชนชาติในละแวกนี้อยู่แล้ว เรารู้และก็ใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องพวกนี้มาได้ตั้งนาน แต่ตอนนี้พวกเราลืมการปรับตัวมากเกินไป พอได้บ้านอิฐปูนขึ้นมาก็จะตายตัวอยู่กับมัน จนเน้นการแก้ไข้มากกว่าการปรับตัวให้กลมกลืน อย่าเอาแต่โวยวาย หรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหยื่อมาก ต้องหาทางปรับตัวด้วย"

ต่อที่ไฮโซสาวสวย "แอร์- แอรอนนา โทณะวณิก" กับแฟนหนุ่ม "วิว-ธีรกิตติ์  จารุจินดา" ซึ่งถูกน้ำท่วมบ้านทั้งคู่ โดย สาวแอร์ เผยว่า ที่บ้านตนยังไม่เสียหายมากนัก แต่สำหรับบ้านของหนุ่มวิวถึงกับเสียหายอย่างหนัก และเตรียมเปลี่ยนแบบบ้านใหม่แล้ว

"ตอนนี้บ้านแอร์น้ำยังไม่เข้าบ้านค่ะ แต่เราก็เตรียมพร้อมเรื่องการป้องกันไว้ค่อนข้างเยอะ ก็คิดว่าไม่น่าจะหนักมาก เพราะบ้านแอร์เองก็ไม่ได้มีของอะไรเยอะแยะด้วย ส่วนบ้านของวิวค่อนข้างหนักมากค่ะ น้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร และเข้าในบ้านด้วย ตอนนี้ทั้งบ้านแอร์และบ้านวิว เลยย้ายมาอยู่ที่หัวหินกันหมด รอน้ำลดอย่างเดียวเลยค่ะ ส่วนค่าเสียหายคงยังไม่ได้ประเมินเลยค่ะ แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ที่บ้านวิวคงต้องเปลี่ยนแบบบ้านไปเลยค่ะ ดังนั้น เรื่องเงินชดเชย 5 พันบาท แอร์คิดว่ามันไม่พออยู่แล้ว แอร์ว่าเอาเงินจำนวนนี้ไปสร้างหรือทำอะไรที่จะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำท่วมจะดีกว่า 

แอร์อยากให้ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์ให้คิดอะไรได้มากขึ้น อย่าวัตถุนิยม สะสมของกันนัก ให้พอใจสิ่งที่มีอยู่ดีกว่า เข้าใจว่ามีหลายคนเสียหาย แต่ก็ต้องคิดว่ามีคนที่เขาแย่กว่าเราเยอะมาก อย่าไปบ่นอะไรมันมาก และยิ่งไปสะสมของไว้มาก พอเสียหายก็บ่นกันหมด  เพราะถึงได้เงินชดเชยมาก็ไม่พออยู่ดี ทางแก้ที่ดีที่สุดคือพอเพียงดีกว่าค่ะ"

ท้ายสุดที่บ้าน "สาวมายด์-กุณฑีรา ปัจฉิมสวัสดิ์" ซึ่งอาศัยอยู่บ้านพักย่านจรัญสนิทวงศ์ ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะคลินิกของคุณตาและคุณยาย ที่เปิดมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งล่าสุดสาวเก่งคนนี้บอกว่า คงต้องปิดกิจการ และหาอย่างอื่นทำแทน

"บ้านมายด์ก่อนหน้านี้ก็ท่วมสูงเกือบประมาณเมตรครึ่ง ไปไหนมาไหนไม่ได้เลยต้องใช้เรืออย่างเดียว และที่บ้านมายด์ไม่อพยพไปไหนกันด้วย เพราะเขาเป็นห่วงบ้านกันหมด และอยู่ในบ้านก็ยังโอเคค่ะ เลือกที่จะสูบน้ำออกแทนดีกว่า ตอนนี้ค่าสียหายแค่ตัวบ้านเอาแค่ช่วงน้ำท่วมก็ใช้เงินไปกว่า 3 แสนบาทแล้วค่ะ เพราะมายด์กำลังก่อสร้างบ้านอีกหลังไว้ด้วย แต่ตอนนี้ท่วมไปครึ่งแล้ว ก็คงต้องสร้างใหม่ เรื่องที่เสียเงินส่วนใหญ่จะเป็นส่วนของการป้องกันมากกว่าค่ะ และที่บ้านคุณตาคุณยายเปิดคลินิกอยู่ด้วย ตรงนั้นจะเสียหายหนักมาก เพราะป้องกันไม่ทันด้วย ตอนนี้คือท่วมชั้น 1 แล้วค่ะ เท่าที่ประเมินความเสียหายตอนนี้ก็ประมาณ 2 แสนบาท แต่ก็มีพวกเฟอร์นิเจอร์ เตียงหมอ ยา เตียง คือทั้งคลินิกไปหมดเลย เลยคิดว่าคลินิกคงต้องปิดไปเลยค่ะ คงหาอย่างอื่นทำดีกว่า


น้ำท่วมครั้งนี้มันหนักมาก เป็นอีกเหตุการณ์ที่คุณตาคุณยายค่อนข้างสะเทือนใจ เพราะท่านเปิดคลินิกมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้อ่ะค่ะที่ว่าหลังละ 5 พัน แต่อาจจะช่วยในเรื่องความรู้สึกมากกว่า เหมือนเป็นการปลอบขวัญแต่ก็เข้าใจนะคะ"


เห็นจำนวนเงินชดเชยจากน้ำท่วมแล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่พอกับความเสียหายที่ได้รับมา แต่อีก 1 ปัญหาที่จะตามมาก็คือ เงื่อนไขของการรับเงิน ยังคงเป็นเรื่องที่ภาครัฐควรอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนมากกว่านี้ เพราะหลักฐานที่ต้องยื่น เช่น ภาพถ่ายบ้านที่ถูกน้ำท่วมของผู้ประสบอุทกภัย, ทะเบียนบ้าน หรือหลักฐานอื่นๆ ที่ต้องนำมาแสดงนั้น ตอนนี้คงมีอีกหลายคนที่ยังไม่สามารถนำมาให้ได้ เพราะยังต้องอพยพกันอยู่นอกบ้าน เห็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้ว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเห็นใจกันบ้างหรือเปล่า หรือว่าจะเอาแต่ความสะดวกในการทำงานเพียงอย่างเดียว.


Twitter : Sriploi_social

 

โดย: ทีมข่าวไลฟ์สไตล์

17 พฤศจิกายน 2554, 08:00 น.

http://m.thairath.co.th/content/life/217044

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น