โดย พิศณุ นิลกลัด
คอลัมน์ ขึ้นแท่นปักที
แม้ว่าจะเป็นเพียงแคดดี้ แต่สตีฟ วิลเลียมส์ ดังกว่านักกอล์ฟส่วนใหญ่ในพีจีเอ ทัวร์ เขาสร้างชื่อด้วยฝีมือและฝีปาก โดยช่วยให้ ไทเกอร์ วูดส์ คว้าแชมป์เมเจอร์ 13 ใน 14 รายการที่ไทเกอร์ชนะ และกัดไทเกอร์หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่โดนไทเกอร์ปลดเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
วิลเลียมส์เป็นแคดดี้ที่มีรายได้มากที่สุดในโลก เขาได้เงินจากไทเกอร์ประมาณปีละ 1 ล้านดอลลาร์ในการแบกถุงให้ไทเกอร์ 12 ปี (ไม่รวมเงินจากสปอนเซอร์ของเขาเอง)
หลังจากที่วิลเลียมส์แยกทางกับ
ไทเกอร์ เขาก็ทำงานให้อดัม สก็อตต์ และถูกแจ็กพอตทันทีเมื่อสก็อตต์คว้าแชมป์บริดจ์สโตน อินวิเทชันนอล
สก็อตต์ได้เงินรางวัลจากรายการนี้ 1.4 ล้านดอลลาร์ และวิลเลียมส์ได้ส่วนแบ่งประมาณ 140,000 ดอลลาร์ (ร้อยละ 10 ของเงินรางวัลของนักกอล์ฟ)
โดยทั่วไปแล้ว นักกอล์ฟกับแคดดี้ไม่มีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทำงานด้วยกันด้วยสัญญาสุภาพบุรุษ หรือสัญญาแบบจับมือกัน
ปกติแล้วแคดดี้ระดับทั่วไปของ
นักกอล์ฟระดับธรรมดาในพีจีเอ ทัวร์ จะได้เงินค่าจ้างประมาณ 1,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ในสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน
แต่สิ่งที่ทำให้แคดดี้มีรายได้ดีคือ ส่วนแบ่งเงินรางวัลของนักกอล์ฟ
แคดดี้จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 5-10 ของเงินรางวัลที่นักกอล์ฟทำได้ ถ้า
นักกอล์ฟได้แชมป์ แคดดี้มักจะได้ส่วนแบ่งร้อยละ 10 ของเงินรางวัลของ
นักกอล์ฟ ถ้านักกอล์ฟติดท็อป 10 แคดดี้ก็จะได้ส่วนแบ่งประมาณร้อยละ 7-8 ถ้านักกอล์ฟไม่ติดท็อป 10 แคดดี้ก็จะได้ส่วนแบ่งน้อยลง แต่ไม่น่าจะน้อยกว่าร้อยละ 5
ยิ่งนักกอล์ฟมีผลงานดีเท่าไหร่ แคดดี้ก็จะยิ่งได้ส่วนแบ่งมากขึ้น
แคดดี้บางคนอาจขอค่าจ้างน้อยลงแต่ขอส่วนแบ่งเงินรางวัลมากขึ้น ขณะที่แคดดี้ชั้นนำอาจจะขอส่วนแบ่งเงินรางวัลในอัตราเดียว เช่น ร้อยละ 8 ไม่ว่านักกอล์ฟจะจบที่อันดับที่เท่าไหร่
ในเมื่อรายได้ส่วนใหญ่ของ
แคดดี้มาจากส่วนแบ่งเงินรางวัลของนักกอล์ฟ แคดดี้จึงอยากทำงานกับนักกอล์ฟชั้นนำมากกว่า
โคลิน มอนต์โกเมอรี่ ซึ่งใกล้ปลดระวางเคยบ่นว่าเขาหาแคดดี้ได้ยากมาก แต่เมื่อ มาร์ติน
คายเมอร์ อดีตมือ 1 ของโลกต้องการแคดดี้คนใหม่ก็มีแคดดี้ประมาณ 100 คนยื่นใบสมัครขอเป็นแคดดี้ของคายเมอร์
นักกอล์ฟหลายคนเคยเป็นแคดดี้มาก่อน ขณะที่แคดดี้บางคนเคยเป็นนักกอล์ฟมาก่อน หรือ อาจจะทำงาน 2 อย่างทั้งเป็นแคดดี้และแข่งกอล์ฟ
เดมอน กรีน แคดดี้ของ แซค จอห์นสัน เป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงในฐานะแคดดี้และนักกอล์ฟ เขายอมรับว่าเขาหันไปเป็นแคดดี้เพราะเอาดีไม่ได้ในการแข่งขันกอล์ฟ และทุกวันนี้เขาก็ยังแข่งกอล์ฟเมื่อว่างจากการทำงานให้จอห์นสัน
เขาได้อันดับที่ 13 ร่วมในยูเอส ซีเนียร์ โอเพ่นปีนี้ และได้เงินรางวัล 52,370 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นรายได้ก้อนใหญ่ที่สุดของเขาในการเล่นกอล์ฟ แต่ก็ยังน้อยกว่าเงินที่เขาได้จากจอห์นสัน
ด้วยเหตุที่แคดดี้มีรายได้ดี นักกอล์ฟในทัวร์เล็ก ๆ หลายคนที่ไม่สามารถขึ้นชั้นไปเล่นในทัวร์ใหญ่จึงหันไปเป็นแคดดี้ ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการกอล์ฟ
เงินรางวัลชนะเลิศของพีจีเอ ทัวร์ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 รายการ นั่นหมายความว่า แคดดี้ของนักกอล์ฟที่ได้แชมป์จะได้ส่วนแบ่งประมาณ 100,000 ดอลลาร์ สำหรับการทำงาน 1 สัปดาห์
ดีกว่าเล่นเองเยอะเลย
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1322114331&grpid=no&catid=12
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น